ซีพี ออลล์ ในฐานะภาคเอกชนไทยที่มีนโยบายส่งเสริมการศึกษา พัฒนาเยาวชน ภายใต้ปณิธานองค์กร “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสต่อกัน” จึงร่วมสนับสนุนทุนวิจัยทีมวิศวกรรมอวกาศคีตะ พัฒนาเทคโนโลยี “อาหารอวกาศ” นำเสนอภูมิปัญญาอาหารไทย วัฒนธรรมความเป็นไทยในการแข่งขันฯ ซึ่งถือเป็นผลงานความภาคภูมิใจของคนไทยและสานฝันเยาวชนไทยครั้งสำคัญให้เกิดขึ้นจริง
ในภารกิจการสำรวจอวกาศห้วงลึกที่ต้องใช้ระยะเวลานานเช่น การส่งมนุษย์ไปดาวอังคาร หน่วยงานอวกาศต้องคำนึงถึงความต้องการของนักบินอวกาศและปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีพเช่น อาหารที่ต้องมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน ควบคู่กับความหลากหลายในรสชาติ และความเหมาะสมในการใช้งานในสภาวะของห้วงอวกาศ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือ การขนส่งเสบียงอาหารจากโลกไปเป็นจำนวนมากเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการนั้นเป็นการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างมหาศาล รวมถึงความยากลำบากในการผลิตอาหารที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กล่าวมาภายใต้ทรัพยากรที่เหมาะสมนั้น ยังคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากพอสมควร
องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (National Aeronautics and Space Administration – NASA) และองค์การอวกาศแคนาดา (Canadian Space Agency) และมูลนิธิเมซูเธลา ได้ร่วมมือกันเพื่อเปิดโจทย์นี้ไปยังนักวิชาการ, นักวิทยาศาสตร์, นักวิจัย, และผู้ผลิตอาหารทั่วโลก ภายใต้งานประชันอาหารอวกาศลึก หรือ “Deep Space Food Challenge” หนึ่งในกิจกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อแสวงหาแนวคิดทางด้านเทคโนโลยีหรือระบบการผลิตอาหารแนวใหม่ โดยใช้ทรัพยาการจำนวนจำกัด ให้เกิดประโยชน์ได้มากที่สุด เพื่อผลิตอาหารที่ปลอดภัยต่อการบริโภค มีคุณค่าทางโภชนาการ และรสชาติถูกปากนักบินอวกาศจากนานาประเทศ สำหรับภารกิจที่จะมีระยะเวลาและความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ แม้จะเป็นโครงการทางด้านอวกาศ แต่เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอาจสร้างโอกาสใหม่ในการพัฒนาอุตสาหกรรมทั่วโลก ทั้งด้านระบบการเพาะปลูก การสกัดสารสำคัญ การพัฒนาอาหารที่มีคุณประโยชน์สูง รวมถึงการผลิตอาหารในภูมิภาคที่ขาดแคลนหรือประสบภัยพิบัติ
“KEETA” (กีฏะ) ทีมวิศวกรรมอวกาศจากประเทศไทย ที่เกิดจากการรวมตัวของสมาชิกหลากหลายหน่วยงานอาทิ SPACE ZAB, ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์, สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยราชภัฏวไลยอลงกรณ์ และหน่วยงานอื่นๆ ได้ร่วมกันออกแบบระบบนิเวศขนาดเล็ก ที่นำของเสียภายในยานมาหมุนเวียน เพื่อปลูกพืชสำหรับเลี้ยงด้วงสาคู ซึ่งเป็นสัตว์ที่มีโปรตีนสูง และทีมได้นำวัฒนธรรมการกินอาหารของไทยมาเป็นตัวชูผ่านเมนูที่แตกต่าง แปลกใหม่ และมีคุณค่าทางอาหาร นำไปผลิตเป็นอาหารสำหรับนักบินอวกาศในลักษณะของระบบวิศวกรรมขั้นสูงที่ทำงานร่วมกัน โดยใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ได้อาหารที่มีความสดใหม่ และมีประสิทธิภาพสูงกว่าอาหารบางประเภทที่ถูกส่งไปจากโลกเพื่อรับประทานในปัจจุบัน เช่นอาหารแห้ง และอาหารพร้อมทานที่ถูกรีดน้ำออกจนหมด
สำหรับความท้าทายของทีมคีตะหลังผ่านการแข่งขันเฟสแรกคือการลงมือทำจริง และพิสูจน์ให้เห็นว่าไอเดียนี้สามารถใช้งานได้ ในส่วนระบบทางวิศวกรรมนั้นถูกวางไว้อย่างสมบูรณ์ และโจทย์ใหญ่ในงานนี้คือเทคโนโลยีที่มีความแปลกใหม่เป็นเรื่องท้าทายในการทำให้เกิดขึ้นจริง คุณก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ จึงได้เดินหน้าร่วมสนับสนุนทั้งด้านทุนวิจัยและผู้เชี่ยวชาญร่วมกับบริษัทในกลุ่มซีพี ออลล์ คุณวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด และผู้บริหาร คณาอาจารย์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (PIM) อาจารย์พรวิทย์ พัชรินทร์ตนะกุล รองอธิการบดีอาวุโส สายวิชาการ, รองศาสตราจารย์ ดร.สมโรตม์ โกมลวนิช รองอธิการบดี ฝ่ายวิชาการและวิจัย, ดร.ธันยวัต สมใจทวีพร ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี และดร.โพธิวัฒน์ งามขจรวิวัฒน์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาวิศวกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ คณะวิศวกรรมศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมสนับสนุนการแข่งขันเพื่อให้ทีมคีตะสามารถพัฒนาเทคโนโลยีอาหารอวกาศนี้ให้สำเร็จ
ทั้งนี้ได้มีการเปิดตัวเปิดตัวทีมนักวิจัย KEETA จากประเทศไทย 1 ใน 10 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบการแข่งขันเฟสแรก ไปเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 29 กันยายน 2565 ณ ห้องประชุมใหญ่ MC232 ชั้น 3 มุม B ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โดยทีม KEETA เปิดเผยว่ามีโจทย์สุดท้าทายคือให้ผู้เข้าร่วมแข่งขันสร้างระบบที่สามารถผลิตอาหารได้ในระยะยาว โดยไม่ต้องพึ่งการขนส่งไปเติมเพิ่ม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจเดินทางไป-กลับดาวอังคารของนักบินอวกาศ และความตั้งใจของทีมนอกจากเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว ต้องการสร้างเทคโนโลยีทางอวกาศ ซึ่งต้องใช้กินได้ กินได้ในที่นี้ไม่ได้กินเป็นอาหาร แต่สามารถสร้างรายได้ ทำให้เกิดธุรกิจต่อประเทศ หรือทำให้เกิดเศรษฐกิจอวกาศ (Space Economy หรือ Space Business) นั่นคือความตั้งใจหลักของทีม โดยจะเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอวกาศ (Space Economy) ในประเทศไทย เพื่อใช้กับภาคเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และภาควิศวกรรมที่เกี่ยวข้อง และถ้าชนะในเฟสที่สามต่อไปนั้น คนที่ได้ผลงานคือคนทั้งประเทศ
ปัจจุบัน ทีมคีตะถือเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวจากประเทศไทยและทวีปเอเชีย ที่ได้รับการคัดเลือกให้ผ่านเข้ารอบที่ 2 ของการแข่งขันจากทีมที่เข้าร่วมทั่วโลก และมีโอกาสสูงที่จะสามารถคว้าชัยชนะในงานนี้ได้หลังการประเมินล่าสุดโดยคณะกรรมการ ที่ได้รับการตอบรับกลับมาเป็นอย่างดี ในฐานะตัวแทนความฝันของทั้งคนไทยรุ่นใหม่และรุ่นเก๋าที่ทำงานในแวดวงอวกาศ ทีมคีตะพร้อมมุ่งหน้าเต็มกำลังเพื่อการคว้าชัยชนะในรอบที่ 2 ของการแข่งขันด้วยระบบตัวอย่างทางวิศวกรรมที่พร้อมใช้งานได้จริง และพร้อมให้ตรวจสอบโดยทีมงานจาก NASA ที่จะบินมาวิเคราะห์ผลงานถึงประเทศไทยในช่วงต้นปีหน้า